เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ สวิตซ์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์และเครือข่ายแลนแบบ Top-of-Rack ให้ประสิทธิภาพสูงรองรับการใช้งานที่หนาแน่น ช่วยตอบโจทย์ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายประสิทธิภาพสูงสำหรับองค์กรธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมหลัก
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 17 กันยายน 2564 – อัลคาเทล-ลูเซ่น เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้นำโซลูชันด้านการสื่อสาร ระบบเครือข่าย และคลาวด์ที่ออกแบบได้ตรงความต้องการเฉพาะในแต่ละอุตสาหกรรมของลูกค้า ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม OmniSwitch 6900 ที่ออกแบบสำหรับการใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และระบบเครือข่ายหลักขององค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรส์
บริษัทฯ ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้ากลยุทธ์ Digital Age Networking (DAN) เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมหลัก เดินหน้าสู่การปฏิรูปสู่ดิจิทัลได้ง่ายดายและราบรื่น
Digital Age Networking อาศัยเสาหลัก 3 ประการดังนี้
ระบบเครือข่ายที่ทำงานด้วยตัวเอง ที่เชื่อมโยงคนทำงาน อุปกรณ์ กระบวนการทำงานและแอปพลิเคชันทั้งหมดได้โดยอัตโนมัติ ด้วยความปลอดภัย
มีการใช้นำเครือข่าย IoT มาใช้ ด้วยการนำอุปกรณ์มาใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยใช้เทคนิคการแบ่งส่วนการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงของทั้งระบบเครือข่าย
ให้นวัตกรรมทางธุรกิจ ด้วยระบบอัตโนมัติด้านเวิร์กโฟล์ว ช่วยให้สร้างกระบวนการทางธุรกิจใหม่ในระบบดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้ศักยภาพในการสร้างกระแสรายได้ใหม่
การปฏิรูปกระบวนการทำงานสู่ดิจิทัลของธุรกิจ กำลังผลักดันให้ฝ่ายไอทีต้องออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์และเครือข่ายหลักขององค์กรใหม่ ซึ่ง OmniSwitch 6900 รุ่นใหม่มอบประสิทธิภาพการทำงานในระดับไฮ-เอนด์ เหมาะกับการนำไปใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันสำคัญทางธุรกิจที่ต้องมีความพร้อมใช้งานในระดับสูง โดยช่วยให้การจัดเตรียมระบบและการบริหารจัดการทำได้โดยเรียบง่าย ทั้งนี้โซลูชันดังกล่าวอาศัยพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ AOS (Alcatel-Lucent Enterprise Operating System) ที่ให้ทางเลือกหลากหลายในการใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายทั้งในรูปแบบการใช้งานในระบบเสมือนและแยกส่วนการใช้งาน (micro-segmentation)
โซลูชันแพลตฟอร์มของ ALE นั้นรองรับการใช้งานที่มีความหนาแน่นสูงในเครือข่ายหลักและเหมาะกับการติดตั้งเหนือตู้แร็ค (ToR) โดยช่วยขยายประสิทธิภาพการเชื่อมต่อของดาต้าเซ็นเตอร์และระบบเครือข่ายหลักด้วยความเร็วสูงระดับ 100GigE และสามารถรองรับปริมาณการใช้งานที่หนาแน่น สำหรับการดำเนินงานสำคัญที่ต้องให้ ความหน่วงที่ต่ำน้อยที่สุด และให้ความสามารถล้ำหน้าที่ช่วยสนับสนุนและเร่งการปฏิรูปสู่ดิจิทัลได้รวดเร็ว
“OmniSwitch 6900-V48C8 และ OS6900-X48 และ T48 เป็นสวิตซ์แบบติดตั้งเหนือแร็ค (ToR) ที่มีแบนด์วิดท์ความเร็วสูง รองรับการเชื่อมต่อทั้งพอร์ตแบบ 10/25/100 GigE ให้ประสิทธิภาพในการทำงานทั้งในรูประบบเสมือนและการแยกระบบเครือข่ายการใช้งาน โดยที่โซลูชันนี้ถูกปรับให้เข้ากับการใช้งานที่เน้นเรื่องแบนด์วิดท์ เช่น ระบบกล้องวงจรปิด หรือ การประชุมทางวิดีโอแบบเรียลไทม์ให้ความละเอียดสูง และภาพเสมือนจริงอย่าง VR และ AR โดยเหมาะอย่างยิ่งกับเครือข่ายในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้และอุปกรณ์เชื่อมต่อจำนวนมาก เช่น สนามบินหรือศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล หรือหน่วยงานราชการที่มีศูนย์ข้อมูลของตนเอง” สมยศ อุดมนิโลบล Country Business Leader ประจำประเทศไทย อัลคาเทล-ลูเซ่น เอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าว
การบริหารจัดการของ OmniSwitch 6900 จะเหมือนกับผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายรุ่นต่างๆ ของอัลคาเทล-ลูเซ่น เอ็นเตอร์ไพรส์ คือสามารถบริหารจัดการ ผ่านแพลตฟอร์มระบบบริหารจัดการเครือข่าย Alcatel-Lucent OmniVista ทั้งในแบบ on premises หรือบนคลาวด์ ซึ่งประโยชน์หลักของการนำเอาแพลตฟอร์มระบบเครือข่ายสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์มาใช้งาน ได้แก่:
ให้ต้นทุนการเป็นเจ้าของระบบด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำ
เป็นสวิตซ์ระบบเครือข่ายในราคาสมเหตุสมผล พร้อมการผสานรวมทุกฟีเจอร์ของซอฟต์แวร์ AOS อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
ค่าใช้จ่ายด้านการสนับสนุนด้านเทคนิคและการดูแลรักษาต่ำ
ประหยัดค่าไฟด้วย Virtual Chassis (VC) ที่ออกแบบให้มีขนาดเหลือเพียง 1U เพื่อทำให้กินไฟน้อยลง
ใช้งานง่ายขึ้น ด้วยระบบเครือข่ายแบบอัตโนมัติ Autonomous Network
ติดตั้งและบริหารจัดการในแบบ Zero Touch ด้วย iFab และระบบเครือข่ายที่ซ่อมตัวเองได้ (self-healing network)
ระบบจัดเตรียมการทำงานแบบ Zero Touch สำหรับการใช้ระบบเครือข่ายเสมือนโดยการแยกส่วนการใช้งาน (micro-segmentation)
ให้ความปลอดภัยของเครือข่ายสูงยิ่งขึ้น
ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ผ่านการรับรองมาตรฐาน EAL2+, FIPS 140-2 และ JTIC
ป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ด้วยการรักษาความปลอดภัยอิมเมจซอฟต์แวร์ AOS ได้หลากหลาย
มีการเข้ารหัสข้อมูลบนเครือข่าย ด้วย MACsec ตั้งแต่ต้นถึงปลายทาง
ให้ระบบเครือข่ายที่มีเสถียรภาพสูง
ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Virtual Chassis พร้อมการอัพเกรดซอฟต์แวร์ผ่าน ISSU (In-Service Software Upgrade)
สามารถผสานการเชื่อมต่อของอุปกรณ์และเวอร์ชวลแมชชีน ทั้งแบบ multi-link aggregation (LAG) และ Dual Home Link (DHL)
ให้ฟีเจอร์ Shortest Path Bridging (SPB) สำหรับ Network Fabric ที่ทำงานและซ่อมแซมตัวเองได้ในแบบอัตโนมัติ พร้อมการแบ่งระบบการทำงานในระดับ L2 และ L3
ออกแบบเพื่อระบบเครือข่ายที่สำคัญสำหรับธุรกิจ พร้อมด้วย Ethernet Ring Protection (ERP)/ Media Redundancy Protocol (MRP) ที่ใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนหรือควบรวมระบบเครือข่ายน้อยกว่า 50 มิลลิวินาที
นอกจากนี้แล้ว อัลคาเทล-ลูเซ่น เอ็นเตอร์ไพรส์ ยังเตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ระบบเครือข่ายความเร็ว 100G ในกลุ่ม OmniSwitch 6900 ที่เป็นแชสชีส์แบบปกติ (fixed chassis) โดยจะมีการเปิดตัวในช่วงปลายปี 2021 นี้