กรุงเทพฯ ( ตุลาคม 2565) – ไบแนนซ์ (Binance) ประกาศเปิดตัวโปรแกรมฝึกอบรมการบังคับใช้กฎหมายระดับสากลเป็นรายแรกของอุตสาหกรรมคริปโต โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้หน่วยงานต่างๆ สามารถตรวจจับอาชญากรรมทางการเงินและอาชญากรรมทางไซเบอร์ พร้อมช่วยดำเนินคดีกับผู้ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลในทางที่ผิด
ไบแนนซ์เดินหน้าสนับสนุนการต่อต้านอาชญากรรม
ทีมสืบสวนของไบแนนซ์ได้ดำเนินการและมีส่วนร่วมในการจัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์และการเงินมามากกว่า 30 ครั้งในปีที่ผ่านมา ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากนานาประเทศ อาทิ อาร์เจนตินา บราซิล แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ สวีเดน เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร เป็นต้น
นายทีแกน แกมบาเรียน (Tigran Gambaryan) หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองและการสืบสวนของไบแนนซ์ กล่าวว่า “จากการที่หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และภาคเอกชนกำลังจับตามองคริปโตอย่างใกล้ชิด ทำให้เราเล็งเห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านการฝึกอบรมเสริมสร้างความรู้เพื่อต่อต้านอาชญากรรมคริปโต ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เสริมสร้างทีมของเราเพื่อจัดการฝึกอบรมและทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกให้ได้มากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ โปรแกรมการฝึกอบรมดังกล่าว นำทีมโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการระดับโลกจากทีมสืบสวนของไบแนนซ์ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและอดีตเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย รวมถึงนักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการผู้ช่วยทลายแพลตฟอร์มผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง ซิลค์โรด (Silkroad) และไฮดรา (Hydra)
โดยเนื้อหาในโปรแกรมการฝึกอบรมแบบมาตรฐานในหนึ่งวัน ประกอบด้วย การประชุมเชิงปฏิบัติการแบบตัวต่อตัวเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐานของบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ตลอดจนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ทางหน่วยงานกำลังดำเนินการ นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบายต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ของไบแนนซ์ รวมถึงแนวทางการสืบสวนที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้นเพื่อตรวจจับและป้องกันการกระทำความผิดอีกด้วย
ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามนโยบายเชิงรุก
เมื่อเร็วๆนี้ ไบแนนซ์ ได้รับการอนุมัติและจดทะเบียนเพื่อดำเนินกิจการในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และประเทศอื่นๆ ซึ่งทำให้ไบแนนซ์เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศ G7 โดยสิ่งนี้เป็นผลจากการที่บริษัทปฎิบัติตามกฎระเบียบและนโยบายต่อต้านการฟอกเงิน อย่างเข้มงวดนั่นเอง
“ไบแนนซ์ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าและผู้ใช้งานเป็นอันดับแรก เราทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามและสืบสวนบัญชีที่ต้องสงสัย รวมถึงกิจกรรมที่เข้าข่ายฉ้อโกง ตลอดจนให้การสนับสนุนเพื่อต่อต้านการจัดหาเงินทุนจากการก่อการร้าย แรนซัมแวร์ (ransomware) การค้ามนุษย์ การเผยแพร่ภาพลามกอนาจารของเด็ก และอาชญากรรมทางการเงิน” นายทีแกน ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีพิเศษของกรมสรรพากร แผนกสอบสวนคดีอาญา ด้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ สหรัฐอเมริกา (IRS-CI) กล่าวเสริม
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 ทีมงานสืบสวนของไบแนนซ์ได้ตอบกลับคำขอจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมากกว่า 27,000 รายการ โดยใช้เวลาตอบกลับโดยเฉลี่ยภายในสามวัน ซึ่งรวดเร็วกว่าการทำงานของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมใดๆ ก็ตามที่เคยทำมา